ปฏิสัมพันธ์ทางการนิเทศจากใจถึงใจ
บนพื้นฐานของความรัก ความเข้าใจและความจริงใจต่อกันในการพัฒนาทักษะวิชาชีพ ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. เป็นการนิเทศที่พัฒนามาจากการผสมผสานกันระหว่างการนิเทศจากบุคลากรภายนอกและการนิเทศภายในโรงเรียน
โยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
คือการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนด้วยวิธีการที่เป็นระบบและมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน
2.
ในกระบวนการปฏิสัมพันธืทางการนิเทศแบบร่วมพัฒนา
จะมีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้และโรงเรียน
ซึงมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน เช่น
หัวหน้ากุล่มสาระการเรียนรู้มีหน้าที่เป็นผู้นิเทศหรือคู่สัญญา
(ถ้าผู้รับนิเทศต้องการ) เพื่อนครูที่สนิทสนมไว้วางใจกันและพร้อมที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาทักษะวิชาชีพ
มีบทบาทหน้าที่เป็นคู้สัญญา
และครูที่มีความสนใจต้องการมีส่วนร่วมแต่ยังขาดความพร้อม
สามารถมีส่วนร่วมได้ในบทบาทของเพื่อนร่วมอุดมการณ์
และมีเครือข่ายที่เป็นบุคลากรจากภายนอก เช่น ศึกษานิเทศก์ หรือครูผู้ร้วมนิเทศ
ซึ่งก็จะมีบทบาทเป็นผู้นิเทศหรือที่ปรึกษา
3. เป็นรูปแบบการนิเทศที่ให้ความสำคัญทั้งกระบวนการนิเทศทั่วไป
และกระบวนการนิเทศการสอน โดยทั้งสองกระบวนการจะเอื้อประฌยชน์ซึ่งกันและกัน
และส่งผลให้คุณภาพการจัดการเรียนการสอนดีขึ้น และสำหรับการนิเทศการสอนในรูปแบบของการนิเทศแบบร่วมพัฒนานี้ได้พัฒนามาจากแนวคิดในการนิเทศการสอนแบบคลีนิกและการนิเทศเชิงเน้นวัตถุประสงค์
4. เป็นการวมกลุ่มกัน
เพื่อพัฒนาวิชาชีพของครูที่มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพสูงและมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาความเจริญงอกงามทางวิชาชีพ
โดยกำหนดเป็นโครงการนิเทศ มีระยะเวลาในการดำเนินงาน
สามารถติดตามผลการปฏิบัติงานได้
ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาและผู้นิเทศจะต้องรับรูเมีส่วนร่วมในการติดตามผล
ให้ความสนับสนุนและอำนวยความสะดวก
5. เน้นหลักประชาธิปไตยในการนิเทศ โดยครูจะมีเสรีภาพในการนิเทศ เลือกผู้นิเทศ
เลือกคู่สัญญา เลือกเวลาในการปฏิบัติการนิเทศ เลือกบทเรียนที่จะสอน
เลือกเครื่องมือสังเกตการสอน ในการนิเทศการสอน ครูสามารถเลือกวิธีการนิเทศตนเอง
คือ
สังเกตพฤติกรรมการสอนของตนเองแทนที่จะให้ผู้นิเทศหรือคู่สัญญาหรือศึกษานิเทศก์เข้าไปสังเกตการสอนหรือถ้าหากครูมีความพร้อมใจ
ต้องการให้ผู้นิเทศหรือคู่สัญญาเข้าไปสังเกตการสอน
ครูก็สามารถเลือกหรือรับรู้ทำความเข้าใจกับเครื่องมือสังเกตการสอน
จนเป็นที่พอใจและไม่มีความวิตกกังวลต่อผลของการใช้เครื่องมือสังเกตการสอนนั้นๆ
6. การสังเกตการสอนในกระบวนการนิเทศแบบร่วมพัฒนา
ผู้นิเทศต้องไม่สร้างภาพพจน์ในการวัดผลหรือประเมินผลการสอน
แต่จะเป็นการบันทึกและอธิบายภาพที่เกิดขึ้นในห้องเรียนว่าผู้สอนมีพฤติกรรมอย่างไร
มากน้อยเท่าใด
ไม่ใช่ดีหรือไม่ดีอย่างไรเพราะไม่ต้องการให้ครูเกิดความรู้หวั่นกลัวการประเมินและวิตกกังวลต่อปฏิสัมพันธ์ทางการนิเทศ
7. การสังเกตการสอนในกระบวนการนิเทศแบบร่วมพัฒนาจะเน้นที่การสังเกตตนเองเชิงเน้นวัตถุประสงค์เป็นหลัก
โดยมีเครื่องมือสังเกตการสอนที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ต้องการนิเทศซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดการเรียนการสอน
ส่วนการสังเกตการสอนโดยคู่สัญญาหรือผู้นิเทศอื่น ๆ เช่น
หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือศึกษานิเทศก์
จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเป็นความต้องการของครูผู้นั้น
8.
การวิเคราะห์พฤติกรรมการสอนของครู
จะต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการสอนไม่ใช่จากความคิดเห็นส่วนตัว
ค่านิยม หรือประสบการณ์ของผู้นิเทศเอง
9. การใช้ข้อมูลป้อนกลับหลังจากการสังเกตการสอน
และการวิเคราะห์พฤติกรรมการสอนผู้นิเทศจะใช้เทคนิคนิเทศทางอ้อม
เพื่อพัฒนาให้ครูสามารถวางแผนการสอนได้เอง วิเคราะห์การสอนของตนเองได้
ประเมินผลการสอนของตนเองได้ และสามารถนิเทศตนเอวได้ในที่สุด
10. การปฏิบัติการนิเทศ ยึดหลักการนิเทศแบบมีส่วนร่วม คือ
ทั้งผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศจะทำงานร่วมกันทั่งกระบวนการ
ตั้งแต่การหาความต้องการจำเป็นในการนิเทศ การกำหนดวัตถุประสงค์ในการนิเทศ
การวางแผนการนิเทศ การดำเนินการนิเทศและการประเมินผลการนิเทศด้วยความเสมอภาคกัน
ยอมรับ ยกย่อง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะผู้ร่วมวิชาชีพ
11.ในกระบวนการนิเทศแบบร่วมพัฒนา
ได้ให้ความสำคัญต่อการเสริมขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติการในทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน
ทั้งนี้เพื่อให้ครูเกิดความภาคภูมิใจและเกิดความสุขในวิชาชีพ มีพลังที่จะแก้ไข
ปรับปรุงการปฏิบัติงาน
แลละมีความพึงพอใจที่จะนำข้อนิเทศไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างต่อเนื่อง
12. การนิเทศแบบร่วมพัฒนา เป็นการนิเทศที่ยึดวัตถุประสงค์เป็นหลักสำคัญในการแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอน
เป็นการทำงานอย่างเป็นระบบ แต่สามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น