การจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
มีองค์ประกอบที่ควรคำนึงถึง ดังนี้
การบริหารจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
มีลักษณะดังนี้
1) การจัดเตรียมสถานที่ สื่อ
อุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอนให้มีสภาพที่พร้อมใช้ และเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคนในห้อง
2) การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนการสอนที่ดีขึ้นอยู่กับการใช้เวลา ในการด
าเนินกิจกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
ครูไม่ควรปล่อยให้มีเวลาว่างหรือเวลาที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
อันเนื่องจากความไม่พร้อมในด้านวัสดุอุปกรณ์และการดำเนินกิจกรรมที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
เพราะ ความไม่พร้อมจะท าให้เกิดความวุ่นวาย
เสียเวลาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากและทำให้การดำเนินงาน ไม่บรรลุวัตถุประสงค์
ครูต้องบริหารการใช้เวลาเพื่อให้นักเรียนได้ใช้เวลาเพื่อการเรียนรู้อย่างเต็มที่
2. การจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ
คือการดำเนินการเรียนการสอนให้เป็นไป ตามล
าดับขั้นตอนของรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยดำเนินการดังนี้
1) เริ่มต้นบทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจซึ่งทำได้หลายวิธี วิธีที่กระตุ้นกระบวนการคิดและสติปัญญา
ก็คือการสร้างความสงสัย ประหลาดใจให้กับผู้เรียน ทำให้ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้น
อยากค้นพบคำตอบ เช่น การน าเสนอข้อมูลหรือความคิดที่ขัดแย้ง ไม่สอดคล้อง
กับความรู้ ความเข้าใจเดิมของผู้เรียนทำให้ผู้เรียนเกิดข้อสงสัย กังขา การใช้คำถามที่ส่งเสริมกระบวนการคิด
เป็นต้น
293
2) ด เนินการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นขั้นที่ครูจัดการเรียนการสอนโดย เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งทิศนา แขมมณี (2555, หน้า 120)
ได้ให้ความหมายว่า เป็นการจัดการเรียน การสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นตัวตั้ง
โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้เรียนและประโยชน์สูงสุดที่ผู้เรียนควรจะ
ได้รับและมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีบทบาทำคัญในการเรียนรู้
ได้มีส่วนร่วมใน กิจกรรมการเรียนรู้อย่างตื่นตัวและได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ
อันจะนำผู้เรียนไปสู่การเกิดการเรียนรู้ที่ แท้จริง
ดังนั้นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญจึงมีลักษณะที่สรุปได้ดังนี้
(1) กิจกรรมที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างตื่นตัว
ผู้เรียนเป็นผู้มีบทบาทอย่างเต็มที่และ รับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
(2) กิจกรรมที่ท้าทายให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในการค้นหาคำตอบ โดยครูนำเสนอ
ปัญหาและสถานการณ์ให้คิด ครูมีบทบาทช่วยชี้ช่อง
แนะแนวให้นักเรียนเห็นลู่ทางในการแก้ปัญหา
(3) กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบ
(4) กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
มีการร่วมมือและการแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิดเห็น
ตลอดจนประสบการณ์ระหว่างผู้เรียนเพื่อปรับเติม เสริมแต่ง และต่อยอดความรู้
(5) กิจกรรมที่สร้างความสะเทือนใจ
ซาบซึ้ง ประทับใจ ทำให้ตื่นตัวในการเรียนรู้
(6) กิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้จากผู้ทรงภูมิปัญญาในท้องถิ่น
(7) กิจกรรมที่ผู้เรียนได้นำความรู้ไปทดลองใช้แก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์ชิ้นงาน
(8) กิจกรรมที่ผู้เรียนใช้กระบวนการจัดกระทำกับข้อมูลที่ได้รับรู้เพื่อให้เข้าใจและ
จดจำได้ง่ายและสามารถระลึกได้เมื่อต้องการนำมาใช้
(9) กิจกรรมที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ในบริบทจริง
ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริง
บทบาทที่สำคัญของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ได้แก่ การ เป็นผู้เตรียมการลำนวยความสะดวกให้เกิดการเรียนรู้ การท
าหน้าที่เป็นผู้ให้ค าแนะน า ปรึกษา เป็น ผู้ช่วยเหลือ เป็นผู้ให้ข้อมูลย้อนกลับ
บทบาทของครูที่ส่งเสริมการเรียนรู้ก็คือบทบาทที่ท าหน้าที่เหมือน
โค้ชนักกีฬานั่นเอง
3) สรุปบทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
การสรุปบทเรียนเป็นขั้นตอนที่ส าคัญเพราะเป็น
ขั้นตอนในการเชื่อมโยงและประมวลความรู้ระหว่างความรู้และประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับกับความรู้และ
ประสบการณ์เดิมให้เป็นความคิดรวบยอดใหม่ที่มีความครอบคลุม
ถูกต้องและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้
ผู้เรียนสามารถบันทึกและจดจำได้ทนนาน เพราะเป็นการจดจำอย่างมีความหมาย
การสรุปบทเรียนจึงมี
ความสำคัญและควรทำร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน
โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้สรุปด้วยความเข้าใจใหม่ของ ตนเอง
ครูทำหน้าที่ให้แนวทางการสรุปข้อมูล เช่นการแนะนำการใช้แผนภาพความคิด (graphic
organizer) แบบต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมกับการสรุปและนำเสนอข้อมูล
สารสนเทศที่ต้องการ และให้ข้อมูลย้อนกลับ
กับผลงานของนักเรียนเพื่อเป็นสารสนเทศสำหรับการปรับปรุงแก้ไขงานและการสร้างความคิดรวบยอดใหม่
ให้มีความถูกต้อง ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
4) ประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ
การประเมินผลที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาการ
เรียนรู้ของผู้เรียนคือการประเมินความก้าวหน้า
ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถทำพร้อมไปกับ กระบวนการเรียนการสอน
การประเมินครอบคลุมทั้งการประเมินผลการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้ ของผู้เรียน วิธีการประเมินใช้เครื่องมือหลากหลายประเภทให้เหมาะสม
สอดคล้องกับสิ่งที่ประเมิน ผู้ทำ หน้าที่ประเมินไม่จำกัดอยู่ที่ครูเพียงฝ่ายเดียว
แต่ต้องเป็นผลการประเมินที่ทุกฝ่าย ได้แก่ ครู นักเรียนและ
แม้แต่ผู้ปกครองหรือสังคม มีส่วนร่วมในการสะท้อนมุมมอง ความคิดเห็นต่าง ๆ
อย่างรอบด้านเท่าที่จะ เป็นไปได้เพื่อนำมาใช้ในการประเมินการเรียนรู้
จุดมุ่งหมายสำคัญของการประเมินคือการประเมินเพื่อ
พัฒนาผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้ที่มีคุณภาพมากขึ้นนั่นเอง
คุณลักษณะของครู
คอชัคและเอกเกน (Kauchak &
Eggen, 2007, p. 127) กล่าวว่า ครูที่ดีควรมีลักษณะส าคัญ 3 ประการ คือ มีทัศนคติที่ดีในการสอน มีทักษะในสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
และมีทักษะการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน
ลักษณะดังกล่าวส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเรียนการสอน ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นแนะน า
บทเรียน ช่วงตอนกลางของบทเรียน และช่วงปิดท้ายบทเรียน
ดังนั้นคุณลักษณะของครูจึงมีอิทธิพลต่อ การเรียนรู้ของนักเรียนในห้องเรียน
1. ทัศนคติของครู
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นครูที่ดีเพราะทัศคติของครูมีอิทธิพลต่อ
การสอนและการถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ทัศนคติของครูประกอบด้วย
ประสิทธิภาพทางการสอนของ ครู การเป็นแบบอย่างและความกระตือรือร้นของครู
และความคาดหวังของครู ทั้งสามสิ่งนี้ส่งผลต่อ ทัศนคติในการสอนของครู (Brunning et al., 2004)
1) ประสิทธิภาพทางการสอนของครู ครูที่มีประสิทธิภาพทางการสอนสูงจะส่งผลดีต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและมีคุณภาพ ครูที่มีประสิทธิภาพทางการสอน
สูงมักให้คำชมเด็กและให้กำลังใจมากกว่าการติหรือต่อว่าเมื่อเด็กทำผิด
อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการใช้
กลยุทธ์และอุปกรณ์การเรียนการสอนใหม่ ๆ
อีกด้วย ตรงกันข้ามกับครูที่มีประสิทธิภาพทางการสอนต่ำ ครูเหล่านั้นมักตินักเรียนเมื่อทำผิดและยึดติดกับรูปแบบการสอนเดิม
ๆ โดยไม่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเด็ก หรือบรรยากาศการสอนใหม่ ๆ (Poole,
Okeafor, & Sloan, 1989)
2) การเป็นแบบอย่างและความกระตือรือร้นของครู ครูมีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิด
และแนวทางการเรียนของเด็ก เด็กมักไม่เลียนแบบหรือปฏิบัติตามคำพูดของครู
แต่เด็กจะเลียนแบบ พฤติกรรมและการแสดงออกของครู
เด็กจะรู้ว่าทัศนคติของครูเป็นอย่างไรโดยดูจากการแสดงออก ทางการกระทำเช่น
หากครูบอกให้นักเรียนแสดงความเห็นอย่างอิสระต่อประเด็นหนึ่ง ๆ แต่ครูกลับไม่
ยอมรับความคิดเห็นนั้น เด็กจะเริ่มสังเกตว่าครูชอบความคิดแบบใดและพยายามแสดงความเห็นที่ตรง
กับความต้องการของครู
ความกระตือรือร้นของครูเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็ก
เพราะเด็กจะรู้สึกสนุกและอยากเรียนกับครูที่มีความกระตือรือร้นในการสอน
ครูที่มีความกระตือรือร้น ไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องตลกที่นอกเหนือจากบทเรียนแต่ครูจำเป็นต้องสื่อสารให้เด็กเข้าใจได้ว่าบทเรียนมี
ความน่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างไร
การใช้ภาษากายในการสื่อสารและใช้ภาษาพูดที่
เข้าใจง่ายจะช่วยให้เด็กเกิดความสนใจในบทเรียนนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น
3) ความคาดหวังของครู
ความคาดหวังของครูคือสิ่งที่เกี่ยวกับความสำเร็จทางวิชาการ
พฤติกรรมและทัศนคติของนักเรียนในอนาคต
ครูที่ดีมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเรียนของ
นักเรียนและอธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญของบทเรียนต่างๆ
ครูควรช่วยเด็กทุกคนอย่างเท่า เทียมกันให้ประสบความสำเร็จในการเรียนและบรรลุเป้าหมายทางวิชาการที่ตนตั้งไว้
ความคาดหวังเชิง
บวกของครูต่อนักเรียนส่งผลให้นักเรียนตั้งใจเรียนและทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้น
2. ทักษะในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การใช้ภาษาของครูมีผลต่อความสำเร็จในการ เรียนของนักเรียนและความพึงพอใจในการเรียน
การสื่อสารที่ชัดเจนมีองค์ประกอบ 5 อย่าง ได้แก่
1) การใช้คำศัพท์ที่สื่อความหมายได้ใช้เจน
โดยครูควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่คลุมเครือ
เวลาสื่อสารกับเด็กเนื่องจากคำเหล่านั้นทำให้ประสิทธิภาพทางการเรียนของเด็กลดลงและยังแสดงให้
เห็นว่าครูเตรียมตัวมาไม่ดี
2) การใช้คำเชื่อมประโยคที่เหมาะสม
การสื่อสารที่ดีต้องมีคำเชื่อมที่นำไปสู่ใจความ สำคัญของประโยค ค
าเชื่อมที่ถูกต้องจะทำให้ลำดับเหตุการณ์ของประโยคเชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผล
3) การเชื่อมโยงความคิดในบทเรียน ครูต้องทำให้นักเรียนเข้าใจถึงความสัมพันธ์
ระหว่างความคิดที่หนึ่งและความคิดที่สองโดยการอธิบายความเชื่อมต่อนั้น
4) การเน้นย้ำ
ครูควรเน้นย้ำหัวข้อหรือเนื้อหาที่มีความสำคัญหรือโดดเด่นกว่าเนื้อหา อื่น ๆ
เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เห็นถึงระดับความสำคัญที่ต่างกันของเนื้อหาในบทเรียน
5) ความสอดคล้องของภาษาพูดและภาษากาย การใช้ภาษากายประกอบการพูดควร
เป็นไปในแนวทางเดียวกับสิ่งที่ครูพูด
ภาษากายมีความสำคัญเนื่องจากเด็กสามารถประเมินทัศนคติและ
ความจริงใจของครูได้ผ่านทางการแสดงออกของครู ดังนั้นเมื่อครูต้องการจูงใจนักเรียน
หรือบอกให้ นักเรียนทำ อะไร ครูต้องใช้ภาษาพูดและภาษากายที่สอดคล้องกัน
3. ทักษะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
การจัดการเรียนการสอนที่ดีนั้นต้องเริ่มจาก การตรงต่อเวลา
ครูจำเป็นต้องแบ่งเวลาการท ากิจกรรมอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบต่อกิจกรรมอื่น ๆ
การเตรียมอุปกรณ์การสอนล่วงหน้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง
นอกจากนี้ครูยังต้องสร้างกิจวัตรที่ดี ให้กับนักเรียน เช่น
เมื่อเด็กเข้ามาในห้องเรียน เด็กต้องรู้ว่าสิ่งแรกที่ควรทำคืออะไร
และเมื่อเลิกเรียน ต้องทำอะไร การจัดการห้องเรียนที่มีระบบจะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ
ในห้องเรียน เช่นการสอนไม่ทันและ ความไม่เป็นระเบียบในห้องเรียน โดยสรุป การเป็นครูที่ดีควรเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอน
เพราะทัศนคติจะ ส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ของครู
และปฏิสัมพันธ์ของครูต่อนักเรียน ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ ของนักเรียน
เพราะนักเรียนสามารถรับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่า ครูคิดอย่างไรและต้องการอะไร
เพื่อที่จะ ตอบสนองไปตามความต้องการของครู
นอกจากนั้นนักเรียนยังยึดถือครูเป็นแบบอย่าง โดยการ เลียนแบบการกรทำและคำพูดของครู
การมีทัศนคติที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของคุณลักษณะอื่น ๆ
การจัดกิจกรรมได้อย่างเหมาะสมตามเป้าหมายการเรียนรู้
และจัดให้มีการเรียนรู้ แบบร่วมมือ การสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้
ประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้ คือ การจูงใจ ผู้เรียน สิ่งแวดล้อมในการเรียน
การสอนที่มีประสิทธิภาพ และคุณลักษณะของครู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น